บทต้นเรื่อง

วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

วันมาฆบูชา(Magha Puja Day is the Wonderful Day)

พระอรหันต์1,250 องค์ เข้าเฝ้าพระพุทธองค์
แสงสว่างแห่งพระธรรม
     
       Magha Puja Day is one of the most important Buddhist celebrations which falls on the full moon day of the third lunar month(about last week of February or early of March).
         This day marks the great four events that took place during Lord Buddha's lifetime, namely;
       1.  1250 Buddhist monks from different places came to pay homage to Lord Buddha at Valuwan Vihara in Rajgaha, the capital of Magadha State, each of his own initiative and without prior notification or appointment.
       2.  all of them were the enlightened monks (or Arahantas)
       3.  all of them had been individually ordained by Lord Buddha himself (Ehi Bhikkhu)
       4. They assembled on the full moon day of the third lunar month.
      On the evening of that day, Lord Buddha gave the assembly a discourse "Ovadha Patimokha" laying down the principles of His Teachings summarised into three acts, i.e. to do good, to abstain from bad action and to purify the mind.


The light waving rite (The Beginning of Thailand)
     It was unclear as to when the Magha Puja Ceremony took place. However, in a guide book of ceremonies for the twelve months written by King Chulalongkorn (Rama V), it is said that,
      In the past, the Magha Puja was never performed, the ceremony has just been practised during the reign of King Mongkut (Rama IV)" 
      Having realized the significance of this day, King Rama IV ordered the royal Magha Puja Ceremony tobe performed in the Emerald Buddha Temple in 1851 and to be continued forever. Later the ceremony was widely accepted and performed throughout the kingdom. 
     In fact, the candlelit procession can be held at any time suitable to the public's convenience, either in the morning or in the evening. However, in Bangkok it will usually take place in the evening at about 8.00 p.m. and the procession will be led by Buddhist monks.


วันมาฆบูชา...ที่สไลน่า(Magha Puja Day for Salina)    
      สำหรับชาวสไลน่า รัฐแคนซัส สหรัฐอเมริกาในปีนี้ วันมาฆบูชา ตรงกับพุธ วันที่ 7 มีนาคม พ.ศ.2555 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 ปีเถาะ  ซึ่งเป็นวันกลางสัปดาห์ของคนทำงานทั้งหลายในสหรัฐอเมริกา...ถ้าหากจะจัดงานให้ตรงวันหรือวันพระใหญ่จริงๆ ก็จะเป็นการไม่สะดวกนักสำหรับสาธุชนคนดีทั้งหลาย ทั้งทางใกล้และไกล ที่จะมาทำบุญตักบาตร เวีียนเทียนกันในวัน "มาฆบูชา" ทางวัดพระวิเทศธรรมรังษี จึงได้กำหนดการ เป็นวันอาทิตย์ ที่ March 11, 2555  ตั้งแต่เวลา 09.00 A.M. เป็นต้นไป อันเป็นวันที่เหมาะสมสำหรับทุกฝ่าย โดยเฉพาะสาธุชนคนดีทั้่งหลาย ที่เตรียมตัว เตรียมใจ มาแต่บ้าน จัดแต่งปรุ่งทานตั้งแต่กอ่นไก่โห่ ได้พร้อมหน้าพร้อมตา ที่มีจิตศรัทธาเป็นดวงเดียวกัน หมายมั่นปั้นมือเพื่อจะให้เกิดบุญอย่างยิ่งยวด ทั้่งในปัจจุบันชาติ และสำหรับอนาคตกาล
     วันมาฆบูชานั้น....เมื่อเป็นวันที่พระรัตนตรัย ครบถ้่วนบริบูรณ์ธรรมแล้ว ก็ยังถือเป็นวันสามัคคีแห่งโลก อีกวันหนึ่ง ก็ว่าได้...พวกเราในฐานะลูกหลานและสาวกของพระพุทธองค์ ทั้งชาวสไลน่าและเมืองใกล้เคียง ก็หวังว่า.....จะไม่ยอมพลาดงานนี้.....มีความตั้งอกตั้งใจ.....จะมาพร้อมหน้าพร้อมตากัน มารวมกันเป็นกำลังใจเติมเสริมพลังให้กันและกัน จับมือกันเดินไปด้วยกัน เติบโตไปพร้อมกัน  เพื่อวันที่สวยงามรอส่งสว่างที่ตะวันแสงสุดท้ายก็ตาม เพราะผู้เขียนสเชื่อว่า.....พลังแห่งสามัคคี มีพลานุภาพมหาศาล...และคือจุดเริ่มแห่งชัยชนะ...จุดเริ่มแห่งการสร้างนวัตกรรมที่ดีเยี่ยมของมนุษยชาตและสิ่งมีชีวิต เป็นสิ่งที่สวยงาม  ยิ่งใหญ่...อย่างแท้จริง...และที่สำคัญสุด...ก็คือเพื่อความยั่งยืนของพุทธศาสนาของพวกเราทุกคน...
     "บุคคลย่อมหาทรัพย์ได้...... เพราะมีความขยัน ฉันได  เราชาวสไลน่าทั้่งหลาย...ก็ย่อมต้องรวมพลังกัน เพื่อเป้าหมายแห่งความสำเร็จของวัดเราได้ เช่นนั้นเหมือนกัน"
     เพราะนอกจากจะขยันแล้ว....จะต้องมีกัลยาณมิตรที่ดีด้วย...เพื่อมี่ที่ปรึกษา...ชี้แนะ...นำทางในส่วนที่เรายังต้องสงสัยหรือ มองข้ามไปด้วยความเผลอเลอ  หรือแม้กระทั่งไม่เข้าใจ อาจทำให้งานนั้นๆ ติดขัดไม่ไหลลื่นได้ เพราะถ้าคนเรา...ถ้ามัวคิดแต่ว่า...เป็นไปได้หรือเปล่า?  จะได้ทำได้หรือเปล่า? แต่เราไม่เคยถามว่า...มีวิธีไหนบ้างหรือเปล่า?.....เพราะสาระของมันอยู่ที่ว่า....จะทำอย่างไรให้มันดีและสำเร็จต่างหาก... เพราะวิธีการและการแก้ไขคือกลไกแห่งความสำเร็จ...ของผู้มีสติปัญญาในทุกทุกเรื่อง เพียงแต่จะเวลายาว...หรือนานกว่ากัน...เท่าไหร เท่านั้นเอง
      จึงมีใจความบทหนึ่งเกี่ยวกับมงคลสูตรว่า" อะเสวะนา จะ พาลานัง ปัณฑิตานัญจะ เสวะนา เอตัมมังคะละมุตตะมัง." นั่นก็หมายความว่า..คนดีมีให้คบ....คนไม่ดี...มีไว้ให้หลบหลีกห่าง เรียนรู้เป็นอุทาหรณ์ แล้วชีวิตของเราก็จะพบแต่ความเป็นมงคล อย่างนั้น ....เจริญอยู่สืบไป ด้วยเหตุว่า...
       "เพราะชีวิต... มิใช่          แค่เรานี้          ทุกชีวี          ก็มีค่า       กว่าคาดหมาย
     เพียงแค่รู้        บริหาร       ไม่ทำลาย       เราทั้งหลาย  จักภูมิใจ     เมื่อได้ดี
       บุญบุญบุญ    หนุนชีวิต     คิดกันไว้        มารวมใจ      อย่าได้     แหนงหน่ายหนี
     เพราะบุญนั้น   จักคุ้มครอง   ตลอดชีวี       นับจากนี้       มีแต่สุข     ทุกข์มิปอง
       ใครทำดี       ต้องได้ดี      มีดีแน่           ดุจเทียนแท้   ส่องสว่าง   ทางหม่นหมอง
     ดุจสายน้ำ       รินไหล        ให้ชุ่มคลอง    ดุจพี่น้อง      สาโลหิต    มิตรผูกพัน
       หากสิ่งใด     จะมาเปลี่ยน  ให้เวียนหัว     สุดแสนชั่ว     แค่ไหน      มิไหวหวั่น
    ใช้สติ             ชี้ปัญญา      เป็นอาจารย์    นำใจท่าน     ให้สุขสันต์   นิรันดร์เทอญ.             
       ฉะนั้นด้วยวัน....มาฆบูชา อันเป็นวันสำคัญยิ่ง มหัศจรรย์ยิ่งวันหนึ่ง ที่พวกเราจะได้บูชาพระรัตนตรัย และบุคคลผู้ยอมเยี่ยมของโลก ผู้ประกาศพระธรรมะลึกซึ้ง  พร้อมกับสาวกผู้มาฟังธรรม และเผยแผ่ส่งต่อพระธรรมอันสุดวิเศษนี้.....หาได้ยากยิ่งในโลกนี้....เราในฐานะชาวพุ่ทธทั้งหลาย โชคดี....โชคดีเหลือเกิน...ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วยังได้พบพระพุทธศาสนา....ล้ำค่าเหลือเกิน...กับชีวิตของเรากับปัจจุบันชาตินี้ ที่ได้อยู่ในช่วงอายุกาลแห่งพระพุทธศาสนา...ที่สัมผัสได้ด้วยเจตนา...และความตั้่งใจจริง....เท่านั้น จึงจะได้ชื่อว่าบูชา....พระพุทธองค์ พระธรรม และอรหันตสาวกของพระองค์...จริง ๆ
     และเป็นการเตือนสติตัวเราเองด้วยว่า....ชีวิตเราลิขิตได้...เลือกได้...อยู่ที่เราเลือกจะเป็น...พระสงฆ์อรหันตสาวกของพระพุทธองค์แสดงให้เห็นแล้วว่า....เมื่อเลือกด้วยสติปัญญาอันยิ่งของตนเองดีแล้ว พระพุทธองค์เป็นอย่างไร ก็จะได้เป็นพระอรหันต์อย่างนั้น....จริงๆ เพราะกรรมดี กรรมไม่ดีย่อมทำหน้าที่ให้ผลของมันอยู่อย่างนั้น...เมื่อ "คบคนพาล ก็ย่อมพาลไปหาผิด  คบบัณฑิต บัณฑิตก็ย่อมพาไปหาผล..." ผลลัพธ์จะไม่เปลี่ยนแปลงจากนี้.เลย...
       
       ธรรมะจงคุ้มครอง...จนกว่าจะเข้าสู่กระแสแห่งพระนิพพานด้วยกันทุกท่านทุกคน เทอญ สาธุฯ


                                                                                
                                                                                              
                                                                           ทุ่งหญ้า....แห่งความฝัน
                                                                         ณ วันมหัศจรรย์...แห่งชีวิต
         
         

วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2554

บอกข่าว...บุญข้าวประดับดิน

ถวายทานบุญข้าวประดับดิน


ขอเชิญร่วมทำบุญตักบาตร(Khao pra dab din
   We would like to invite you all come to make a merit and give alms bowl or offer foods to the monks and make a merit in memory of your pass away person relatives . Because We should create  a good chance for ourselves, prepare you body, prepare your time and prepare your mind. Many good things you can make it, and the evil thing either, The next life no body know how to be, except  the goodness and the wickedness only will carry on you forever to the end of  life.
    Date: On Sunday 08-28-2011
Time: 9.00 AM.-12.30 PM.




คำว่า..ข้าวประดับดิน
       ถ้าจะมองในเรื่่อง"บุญข้าวประดับดิน"นั้นก็คือเป็นสร้างทัศนคติในแง่บวกของพรรพชนแต่โบราณ เช่นการให้ทาน การรักษาศีล และอุทิศส่วนบุญกุศลให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว....และเดือนนี้เป็นเดือนที่อยู่ระหว่างพรรษาของพระสงฆ์ในอาวาสต่างๆ ต่างคนต่างพร้อมหน้า พระพร้อม โยมพร้อม ครอบครัวก็พร้อมทุกอย่างจึงลงตัวพอดี ....และอีกประการหนึ่ง    เพราะในสมัยโบราณในช่วงนี้เป็นช่วงที่หยุดการทำนาสักระยะหนึ่งเพราะว่าเป็นช่วงที่ข้าวกำลังโตเต็มที่และไม่ยุ่งกับไร่กับนามากนักแล้ว ฉะนั้นวันนี้ ตามประเพณีโบราณของชาวลาวและชาวไทยภาคอิสานเอง ก็จะตื่นกันแต่เช้า ตีสี่ของคืนวันแรม 13  ค่ำ เดือน 9 แต่ก็เป็นช่วงเช้าของวัน แรม 14 ค่ำ (วันพระใหญ่) ช่วงที่พระกำลังทำวัตรเช้าพอดี ก็จำนำอาหาของตนๆ มาวางตามกำแพง ต้นไม้ หรือเจดีย์ เพื่อหวังว่าญาติและผู้ล่วงลับสรรพสัตว์ จะได้กินกัน อันเป็นที่มาของคำว่า "ข้าวประดับดิน" การให้ทานก็เป็นบุญ การอุทิศต่อผู้ล่วงลับถือว่า กตัญญูและกตเวทิตา (เป็นมงคลอย่างหนึ่ง) การพร้อมหน้าพร้อมตา ถือว่า ได้ความสามัคคี วันนี้ในอตีตเป็นอย่างไร ความสามัคคีของเราชาวสไลน่าก็หวั่งจะอย่างนั้นนะ....ความสามัคคี....ก็เหมือนดอกไม้หลากสีในเจกันเดียวกัน...ย่อมงามและมีเสน่ห์ พร้อมเพรียงเรียบร้อย...มีพลังมหาศาล ใครได้พบพาน ได้แต่ชื่นชมอนุโมทา เย็นตาสบายใจ     มองที่ไรก็เป็นสุขทุกที เอาล่ะๆ พอสังเขป..
    "บุญเดือนเก้า  เล่าสู่ฟัง      เมื่อครั้งก่อน      ท่านสั่งสอน    อบรม           บ่มลูกหลาน
  บุญใหญ่แท้       บุญคุณคน  อย่าจนทาน       เป็นลูกหลาน   ต้องสำนึก    อยู่ในใจ
     ตืนแต่เช้า       ก่อนไก่       เตรียมใส่บาตร  ทั้งอย่าพลาด   เลี้ยงผู้ตาย   อย่าไปไหน
  มีอาหาร            ข้าวต้มมัด  จัดทันใด            พาดวางไว้      ตามเจดีย์     ที่ศาลา
     ให้บอกกล่าว  ต่อท่าน       ผู้ล่วงลับ           ไปไม่กลับ       หลับไม่ตืน   ไม่พื้นหนา
   บุญปุพเพ-        กะตะ-        ปุญญะตา           เราจะมา         อุทิศทาน     ให้ท่านเอย"        
              
ຮີດປະຈຳເດືອນເກົ້າ
               "ຮີດໜື່ງນັ້ນພອເຖິງເດືອນເກົ້າກາງແຫ່ງວັດສາການ
               ຝູງປະຊາຊົນຊາວເມືອງກໍເຫຼ່າກຽມຕົວພ້ອມ
               ພາກັນໃຫ້ທານຍັງເຂົ້າປະດັບດິນກ່ອນ
               ທາຍົກທານໃຫ້ເຈົ້າພຣະສົງຄ໌ພ້ອມສູ່ພາຍ
               ເຮັດຈັ່ງຊີ່ບໍ່ອ້າຍເຖິງຂວບປີມາ
               ພຣະຣາຊາໃນເມືອງກໍ່ຈົງທຳແນວນີ້
               ຮີດຫາກມີມາແລ້ວວາງລົງໃຫ້ຖືຕໍ່
               ຈື່ໄວ້ເດີໍພໍ່ເຖ່າຫລານເວົ້າ ໃຫ້ກ່າວຈາ".
   
   I hope will see you all here, May you be good healthy and  good luck, May you all get Dhamma of The Buddha all over.


                                                                                                              Dhamma bless you all
                                                                                                             ธรรมะคุ้มครองปัญญาผ่องใส

วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาประจำปี พ.ศ.๒๕๕๔


                                                 "เคล็ดลับจับบุญ....ตั้นทุนเพียงตั้งใจ"
     
           เตรียมหัวใจ    ให้พร้อม      มาแต่บ้าน    เตรียมตัวท่าน  เตรียมทาน  การกุศล
           ละกิเลส        ตัดว้าวุ่น      ลดกังวล        มาเพิ่มเติม        เสริมงคล     ด้วยมนต์ธรรม์
          ชีวิตหนึ่ง        ไม่เจ็บ....     นั้นแสนยาก   บ้างลำลาก      ยากแค้น      แสนมหันต์
          หนึ่งชีวิต        หลายชีวิต  ต่างสำคัญ      ใครยึดมั่น         กรรมดี        จักมีชัย
         อย่าเอาดี          มาวัดดี        ไม่ดีแน่        ใจยิ่งแพ้          กลับแย่       ยากแก้ไข      
          จะเอาดี           อวดดีกัน      คงบรรลัย    จวบจนตาย     หามีไม่        คนได้ดี
       แม้นเป็นคน      หาสมหวัง     ทุกครั้งไม่     เมื่อมีได้         ก็เสียได้       ไปทุกที่    
       อย่ามัวโลภ    อย่ามัวหลง       ก่อเวรี         สิ่งเหล่านี้      ใครทำได้   .  ใจสุขเอย

     "ฝากไว้เป็นทุนแห่งชีวิต ในฤดูกาลแห่งพืชพันธุ์ที่กำลังเจริญงอกงามสมบูรณ์ ความดีแห่งพระพุทธศาสนาก็จักเจริญงอกงามดุจแมกไม้แห่งฤดูกาลได้เช่นกัน ตั้นไม้ยังรู้จักแตกหน่อ  ออกใบ ความดีของพวกเราชาวพุทธทั้งหลายในเมืองนี้และโลกก็ควรจะรู้จักแตกหน่อออกใบรับแสงแห่งพระธรรมด้วยเช่นกัน  ดุจธรรมพระพุทธองค์ที่ว่า " กาเลนะ ธัมมัสสะวะนัง" ฤดูแห่งกาลฟังธรรม ปฎิบัติธรรม เผยแพร่ธรรมได้เริ่มขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว...ชาวนาย่อมหว่านกล้าพืชผลได้ฉันใด...เราชาวพุทธทั้งหลายก็ควรรู้จักหว่านกล้าเมล็ดพันธุ์แห่งความดีไว้ในตัวเองฉันนั้นเหมือนกัน "
 ขออนุโมทนากับผู้ตั้งใจดีทั้งหลายนะ สาธุ

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

สไลน่า...น่าฮัก, รัก...ณ สไลน่า

เสน่ห์แห่งสงกรานต์ปีใหม่...ณ สไลน่า
สำหรับงานในวันที่ 23-24 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่มีสาธุชนมาร่วมงานสมโภชองค์พระแก้วมรกต(๒๓ เม.ย. ๕๔ )และรื่นเริงงานสงกรานต์(๒๔ เม.ย. ๕๔)เป็นจำนวนมากทั้งจากสไลน่าเองแทบทั้งเมืองโดยเฉพาะชาวเอเชีย รวมถึงชาวเวียตนาม และเจ้าของพื่นที่คนเมืองนี้เองด้วย สาธุชนไม่ว่าจะเป็นทั้่งเมืองใกล้-ไกลจากเมือง Grand Island & Wisconsin State, Wichita ตลอดถึงจาก California ด้วย ก็ขออนุโมทนาในบุญกุศลผลทานและความร่วมมือในครั้งนี้ นี่ล่ะน้ำใจเราชาวพุทธบริษัททั้งหลาย หากตั้งใจร่วมกันทำอะไรแล้ว...ไม่ว่างานนั้นจะยากยิ่งกว่าเข็ญครกขึ้นภูเขาก็ตาม...ก็ไม่อาจหยุดยั้งความมุ่งมั่นตั้งใจของทุกคนได้ ...อันนี้ล่ะเสน่ห์และความน่ารักของสไลน่า...ที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง แล้วอย่างนี้จะไม่ให้รักได้อย่างไร....บางที่ก็มองว่า...ปรากฏการณ์สิ่งเล็กๆ...ที่ยิ่งใหญ่ก็ได้...คนหัวใจสิงห์ก็ไม่ผิด....สามารถใช้คำนี้ได้เลยทีเดียว
       หลายปีที่ผ่านมาสไลน่า...ได้เคยจัดงานใหญ่ๆมาแล้วครั้งหนึ่ง....เมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๑ คืองานประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา เป็นการประชุมสามัญประจำปีครั้งที่ ๓๒/๒๕๕๑ โดยมีพระสงฆ์จากทั้่วสหรัฐอเมริกาในนามของคณะสงฆ์ไทยในต่างประเทศและพระสงฆ์ที่เดินทางมาจากเมืองไทยส่วนหนึ่งกว่าสองร้อยรูป ในครั้งนั้นอาจารย์สงกรานต์ สิริธโรเป็นเจ้าอาวาสและปัจจุบัน ถือเป็นการเปิดวัดสู่สายตาประชาชนชาวสไลน่าและเมืองใกล้เคียงให้ทราบทั่วกันว่า "บัดนี้วัดสไลน่าในนามวัดวิเทศธรรมรังษีของคณะสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา ขอปักธงชัยแห่งพระพุทธศาสนาของพระสัมมาสัมพุทเจ้าไว้บนแผ่นดินอินเดียนแดงแต่ครั้งโบรานกาลจนบัดนี้...ขอใช้ผื่นแผ่นดินนี้สร้างความร่วมมือ ร่มเย็นเป็นปึกแผ่นแห่งพระศาสนาขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ให้พระธรรมคุณความดีแผ่กระจายออกไปในทุกสารทิศ จนกว่าโลกนี้จักรวาลนี้จะหาไม่" นั้นล่ะจุดเริ่มเบิกตา ...เปล่งแสงแห่งพระธรรม นับแต่นั้นมา
       จาก ณ...วันนั้นจนถึงวันนี้ต่างกันก็แต่เพียงว่า....พระสงฆ์ไม่มากว่าไปกว่าเหมือนเมื่อก่อนแค่มาร่วมงานเพียงสิบกว่ารูป แต่งานของคนที่นี่ไม่น้อยลงไปเลย กลับดูยิ่งใหญ่และมีเสน่ห์....ดูจคำที่ว่า"ห่วงใยเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความตั้งใจ"...และมีไฟที่จะสู้พร้อมไปด้วยกันเพื่อให้วัดสไลน่า...ของเรายังยืนหยัด อยู่ได้...สง่างามสมความตั้งใจดีของทุกคน และขอขอบคุณมายังทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ตั้งแต่ต้นจนจบทั้งพระและโยม ด้วยบุญกุศลที่ร่วมกันสร้างตั้งใจทำนี้ จงประสุขแด่ทุกท่านอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยด้วยผลานิสงฆ์แห่งบุญที่สร้่างมาทั้งหมดด้วยเทอญ
       ฤดูกาลนี้คือสปริงของอเมริกาแต่เทศกาลนี้คือสงกรานต์และปีใหม่ของชาวสไลน่า ความสุขแบบนี้ ความน่ารักแบบนี้...รอยยิ้มแบบนี้...คุณว่าจะมีสักกี่ที่ในชีวิต...ที่คุณจะได้สัมผัส...หากมีเวลาปีหน้า...คุณลองมาสัมผัสกับเราสักครั้งสิ...มุมมองแห่งชีวิตของคุณอาจเปลี่ยนไป...หาฤดูกาลแห่งสปริงคือความสุขความเบิกบาน...สงกรานต์คือความสุขสุดชื่นแล้ว...ถ้าสองสิ่งนี้มาอยุ่ที่เดียวกันได้อย่างพอเหมาะพอควร ถือว่าเป็นโชคดีของคนเมืองนี้ แล้วคุณล่ะมีสองสิ่งที่ดีๆแบบนี้พร้อมกันใหม..นี่ล่ะ เสน่ห์แห่งสไลน่า
       ฉะนั้น..ถ้าหากเราจะมอง...สิงใดๆในโลกที่ว่ายิ่งใหญ่....ก็มักมีจุดกำเนิดจากสิ่งเล็กๆ เสมอ...ไม่ว่าอะไรก็ตาม...สิ่งเล็กๆคือความยิ่งใหญ่ของสรรพสิ่งในวันข้างหน้า....เพียงแต่สไลน่าวันนี้....เราได้สร้างปรากฏการณ์นั้นแล้ว...ทุกอย่างเรากำลังเดินทางไปร่วมกัน...ทุกอย่างเรากำลังหลอมรวมกัน...โดยมีหัวใจหลักคือพระพุทธศาสนา โดยมีองค์พระแก้วมรกตเป็นศูนย์กลาง นามว่า"The Spirit of Salina"                                              
                                                                    ສໄລນ່າ ຈຶງນ່າຮັກ, รัก...ณ สไลน่า สาธุฯ
  

วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554

วันสงกรานต์(ปีใหม่)กับความสำคัญของชาวสไลน่า



เล่นน้ำสงกรานต์
   วันสงกรานต์หรือปีใหม่ (Sonkran Festival & Happy New Year B.E.2554) สำหรับชาวสไลน่าในปี 2011ถูกกำหนดขึ้นในวันเสาร์และอาทิตย์ที่ 23-24 ของเดือนเมษายน 2011 และเป็นการร่วมสมโภชพระแก้วมรกตจำลองที่ได้อัญเชิญมาจาประเทศไทย ตั้งแต่ก่อนปีใหม่สากล งานในครั้งนี้นอกจากจะได้เฉลิมฉลองสงกรานต์กันตามปกติแล้วก็จะได้มีการเทศน์มหาชาติไปด้วยในขณะเดียวกัน เพราะการกำหนดงานในวันเวลาดังกล่าวมานี้...เป็นสิ่งที่ยากลำบากนักสำหรับชาวสไลน่าเพราะรู้ดีว่าวิถีชีวิตของคนชาวเมืองนี้ ส่วนใหญ่แล้วก็พึ่งพาอาศัยการทำงานที่มีโรงงานเป็นส่วนใหญ่ เช่น โรงงานฟิซซ่า แคนดี้ และโรงงานแบตเตอรี่ฯเป็นต้น หยุดไม่ตรงกัน เพราะทำงานกันเป็นช่วงเป็นกะ จะหยุดให้ตรงกันนั้นยากทีเดียว การกำหนดงานถึงเป็นเรื่องยากอยู่พอสมควร..
    อีกประการหนึ่งในการสมโภชองค์พระแก้วนั้น ก็จะมีการจารึกชื่อลงใแผ่นทอง..เพื่อจารึกชื่อฝากบุญฝากธงชัยไว้ในพระศาสนา ในฐานะเราเป็นชาวพุทธอาศัยอยู่เมืองนี้ ในประเทศสหรัฐอเมริกาแห่งนี้ ไว้เพื่อเป็นสมบัติของพระพุทธเจ้า ของพระพุทธศาสนา ให้เป็นหน่อเนื้อนาบุญของอินเดียนและฝรั่งเจ้าของพื้นที่ในอนาคตต่อไป
    ถึงอย่างไรก็ตาม   งานนี้ก็เป็นการรวมกลุ่มคณะสามัคคี(ชาวไทย,ลาว,กัมพูชา,เวียตนามส่วนใหญ่และอื่นๆ)...ของชาวเมืองสไลน่านี้เพื่อตั้งหน้าตั้งตารองานประจำปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของคนที่นี่....เปรียบเสมือนการรวมญาติธรรม มากินข้าว พบปะทักทายพูดคุยของคนที่มีวัฒนธรรมพุทธอันเดียวกันเป็นตัวหลอมรวมกันของชาวเมืองนี้ งานสงกรานต์ที่ไหนอื่นใดจะยิ่งใหญ่เท่าไร  เราก็ไม่อาจจะตอบแทนความรู้สึกของคนที่นี่ได้...แต่สำหรับชาวเมืองนี้แล้ว งานนี้คืออีกงานหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ พร้อมใจกันมาร่วมงาน และสนับสนุนงานกับคณะทางวัดพระวิเทศธรรมรังษี...โดยคนละไม้คนละมือ...ช่วยกันตามแรง ตามศรัทธาของแต่ละตัวบุคคล เพื่อให้กิจกรรมของทางวัดและความสุขของมวลชนได้เกิดขึ้นและเดินไปด้วยกันได้พร้อมๆกัน
"ธรรมชาติของน้ำย่อมไหลบ่ารวมเป็นเนื้อเดียวได้ฉันใด...ธรรมชาติของคนสไลน่าก็หลอมร่วมเป็นหนึ่งเดียวฉันนั้นเหมือนกัน"
   กิจกรรมนวันงานหลักๆก็จะมี การฉลองพระแก้วมรกตจำลอง และเทศน์มหาชาติในวันเสาร์ที่ 23 เมษายน 2554 เวลาเริ่มตั้งแต่ 09.00 น.นั้นเป็นการเริ่มกิจกรรมบุญเป็นต้นไปตลอดทั้งวันและมีการนุ่งขาวหุ่มขาวถือศีล(บวชชีพราหมณ์)ไปตลอดคืนจนถึงรุ่งเช้า แต่พอเช้าวันอาทิตย์ที่24 เมษายน 2554 ก็จะเป็นพิธีเฉลิมฉลองสงกรานต์ และสรงน้ำพระ,ผู้สูงอายุ,ก่อพระเจดีย์ทรายเป็นต้นและกิจกรรมรื่นเริงประกอบตลอดวัน
     ความสำคัญของสงกรานต์นั้นคือเป็นเป็นการเฉลิมฉลองปีใหม่ของประเทศไทย,ลาว,กัมพูชา,ชาวไทยใหญ่,ชาวเวียตนาม,ศรีลังกา,ทางตะวันออกของอินเดีย(นาคา)และพม่ารวมทั้งชาวจีนในมณทลยูนานหรือสิบสองปันนา ก็มีการเฉลิมฉลองปีใหม่เช่นเดียวกันวันเวลาอาจคลาดเคลื่อนกันนิดหน่อยแตกต่างกันไปตามฤกษ์ยามปฏิทินของประเทศนั้นๆ
   สำหรับในเมืองไทยนั้น เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า สงรานต์ถูกกำหนดขึ้นในวันที่ 13,14,15เดือนเมษายน ของทุกๆปี นอกจากจะเป็นวันสงกรานต์ถูกกำหนดวันที่ 13 เมษายนของทุกปีให้เป็นผู้สูงอายุหรือวันกตัญญแห่งชาติและวันที่ 14 เมษายนของทุกปีเป็นวันครอบครับแห่งชาติด้วย
      ฉะนั้นงานนี้ก็ได้แต่หวังว่าทุกคน... จะเสียสละเวลาอันมีค่า เพื่อร่วมเฉลิมฉลององค์พระร่วมกันกับชาวเมืองสไลน่านี้และเมืองใกล้เคียงก็คงจะพร้อมกันมาร่วมสมโภชพระแก้วมรกตจำลอง และฉลองสงกรานต์ปีใหม่ไปพร้อมๆกัน 
                                                                     สุขสันต์วันสงกรานต์ สุขสวัสดีปีใหม่ทุกท่าน